Oh! Sisters เจอพี่ป่วนรัก
เรื่องน้อง ต้องพี่!
ผู้เข้าชมรวม
65
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
“ไม่นะ!!!”
ศิ
เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ร้องโวยวายออกมาทันทีที่ได้ยินภารกิจกระชากใจให้หล่นไปที่ตาตุ่ม
เธอไม่น่าหลวมตัวมาเล่นเกมส์พระราชาอะไรนี่กับเพื่อนของเธอเลย ศิส่ายหน้าไปมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ทำไม
แค่ไปบอกรักไอ้บาสมันแค่นี้ไม่ได้เหรอ อย่าลืมสิว่านี่เป็นเกมส์นะ
แกต้องทำตามที่พระราชาอย่างฉันสั่งสิ” ตุ๊บป่อง เพื่อนสาวกระเทียมดองของเธอโวย
ศิเหลือบตาไปมอง ‘บาส’
เด็กหนุ่มที่นั่งก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือการ์ตูนอย่างเมามันส์ ให้ตายเถอะ
ทำไมต้องให้เธอไปสารภาพรักกับหมอนั่นด้วยนะ ศิคิดหนัก
“ถ้าแกไม่ทำ
ฉันจะถือว่าแกชอบไอ้บาสจริงๆ นะ และฉันจะไปบอกมันเองด้วย”
ยัยกระเทียมตุ๊บป่องบอกพลางทำท่าจะเดินไปหาบาสที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างหลังห้อง
ศิรีบลุกขึ้นห้าม
“ก็ได้ๆ
ฉันจะทำ” ศิบอกกับตัวเอง “มันก็แค่เกมส์” เพื่อนๆ เดินตามเธอมาอย่างเนียนๆ
บาสนั่งอยู่ตรงนั้นกำลังวุ่นวายอยู่กับการอ่านหนังสือการ์ตูนรีบอร์น ศิรีบเดินเข้าไปยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงหน้าบาส
แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับจากคนตรงหน้าที่เห็นว่ารีบอร์นน่าสนใจกว่าเป็นไหนๆ
ศิตัดสินใจเคาะโต๊ะ ปัง ปัง! สองครั้ง แล้วบาสก็ให้ความสนใจเธอด้วยสายตาที่จ้องมองมาอย่างเคืองๆ
“เอ่อ
ขอโทษที่รบกวนเวลา”
ศิตั้งใจเว้นวรรคเพื่อให้เขาสงบสติอารมณ์และเพื่อลดความประหม่าในตัวเธอเอง ‘แค่เกมส์น่า
แค่เกมส์’ ศิท่องบ่นในใจ เอาวะ
เธอตัดสินใจได้แล้วจากนั้นก็รีบพูดออกไปว่า “เราชอบนายนะบาส!”
พูดเสร็จศิก็รีบชิ่งหนีไปจากห้อง ปล่อยให้บาสนั่งอึ้ง
มึนงงกับการกระทำของคนตัวเล็ก “อะไรของยัยนั่นเนี่ย”
บาสบ่นพึมพำพลางสั่นหัวอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะทุ่มเทเวลาว่างคาบบ่ายให้กับหนังสือการ์ตูนรีบอร์นตรงหน้า
ในขณะที่เพื่อนๆ พากันหัวเราะก๊ากจนท้องคัดท้องแข็งไปตามๆ กัน
ถึงแม้จะรู้ว่ามันเป็นแค่เกมส์แต่ศิก็อดคิดมากไม่ได้
“ให้ตายเถอะ ฉันไม่น่าทำเรื่องบ้าๆ แบบนั้นเลย เฮ้อ!” ศิถอนหายใจอย่างเซ็งอารมณ์ เธอเดินเข้ามาในห้องเพื่อเอากระเป๋ามาวางที่โต๊ะก่อนจะออกไปเข้าแถวเคารพธงชาติ
จังหวะที่เธอกำลังจะก้าวออกไปจากห้องนั่นเอง นายบาสก็เดินมาที่ห้องพอดี
ทันทีที่เห็นยัยศิยืนอยู่หน้าประตูห้องเขาก็ชะงักฝีเท้าลงและทำเป็นเสมองไปทางอื่น
ศิคิดไว้อยู่แล้วว่าเขาอาจจะไม่เหมือนเดิมและเธอก็อายเกินกว่าจะชวนเขาพูด
ดังนั้นสิ่งที่ศิทำก็คือการเดินผ่านเขาไปเหมือนกับมองไม่เห็น
นายบาสมองตามหลังศิอย่างงงๆ
วันเวลาในห้องเรียนชั้น
ม.4 ของศิไม่ปกติอีกต่อไป หลังจากการสารภาพรัก ซึ่งมันเป็นแค่การเล่นเกมส์ในความคิดของศิและเพื่อนๆ
แต่มันก็ไม่ได้กระจ่างแจ้งในความรู้สึกของนายบาส เขายังคงเมินเธอ
ไม่ยอมพูดไม่ยอมคุย ที่ร้ายแรงกว่านั้นคือไม่ยอมสบตากับเธอ ศิเองก็เช่นเดียวกัน
เธอไม่กล้ามองนายบาสและทำเหมือนกับว่าเขาเป็นอากาศธาตุโดยไม่ได้ตั้งใจและนั่นทำให้เธอรู้สึกอึดอัดใจมาก
แต่เธอก็ไม่มีความกล้าพอที่จะชวนเขาคุย ทั้งที่เมื่อก่อนเธอกับเขาต่างก็เป็นเพื่อนที่จัดได้ว่าสนิทกันมากแท้ๆ
ถ้าไม่นับรวมตุ๊บป่องกับจูจุ๊แล้ว นายบาสก็เป็นเพื่อนที่ศิให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ
เลยทีเดียว เธอคงจะไม่คิดมากแน่ๆ
หากเพื่อนที่ตุ๊บป่องให้ไปบอกรักเป็นมังกรหรือไม่ก็กันย์ แต่นี่เป็นนายบาส
เด็กหัวกะทิของห้อง เพื่อนชายแท้ที่สนิทที่สุดและเป็นคนที่เธอปลื้มมากที่สุดด้วยเช่นกัน
ศิไม่รู้ตัวเลยว่า คำว่า ’ปลื้มเขา’ของเธอได้เปลี่ยนไปเป็นคำอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่
มารู้ตัวอีกทีเธอก็ชอบเขาขึ้นมาซะแล้ว ศิเก็บความรู้สึกชอบนั้นไว้และทำตัวเป็นปกติ
เล่น คุยกับเขาเหมือนเมื่อก่อนทั้งที่มีความรู้สึกมากมายเก็บซ่อนไว้ในใจ เพราะคิดว่าทุกอย่างจะเป็นแบบนี้ศิเลยไม่กล้าที่จะบอกความรู้สึกของเธอให้นายบาสรับรู้
แต่เธอก็ทำไปแล้วเพราะเกมส์นั่น
“เป็นอะไรของแกยะ
ยัยศิ” ตุ๊บป่องสาวเทียมตบไหล่เพื่อนแล้วเดินไปนั่งลงที่ม้านั่งตัวตรงข้าม
จูจุ๊นั่งลงใกล้ๆ ศิ ในมือถือแซนด์วิชที่แกะกินยังไม่หมด
มืออีกข้างก็หิ้วถุงที่บรรจุขนมนมน้ำไว้เต็มก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะ ศิเงยหน้าขึ้นมาดู
หน้าตาหม่นหมองราวกับคนอดหลับอดนอน จนตุ๊บป่องเห็นแล้วอดที่จะแขวะไม่ได้
“เมื่อคืนดึกเหรอยะ”
ตุ๊บป่องว่า จูจุ๊ขมวดคิ้วพลางเอาฝ่ามืออรหันต์ให้ตุ๊บป่องหนึ่งป้าบ! ตุ๊บป่องหน้าเบ้เอามือลูบไหล่ตัวเองอย่างสำออย
จูจุ๊หยิบขนมกับนมส่งให้ศิเพราะเห็นว่าเธอยังไม่ได้กินข้าวเนื่องจากต้องทำเวรตอนพักเที่ยงและข้าวที่โรงอาหารก็หมดพอดี
“กินเร็วศิ เดี๋ยวไปเรียนไม่ทันนะ อะฉันให้”
ศิยิ้มให้เพื่อนสาวแท้สาวเทียมของเธอก่อนจะส่ายหน้า “ขอบใจนะ แต่ฉันไม่หิว จริงๆ
แล้วกำลังอยู่ในช่วงลดหุ่นน่ะ ฉันขึ้นไปบนห้องก่อนนะ” พูดจบแล้วศิก็รีบเดินออกไป
ทิ้งให้ตุ๊บป่องกับจูจุ๊มองตามอย่างงๆ
ศิกลับมาที่ห้อง
เธอหวังว่ายังไม่มีใครมาและมันก็เป็นไปตามนั้น ศิเดินไปนั่งหมอบอยู่ที่โต๊ะตัวเอง
ยอมรับว่าเธอซมเพราะคิดมากเรื่องนายบาส วันนี้เขาก็ยังไม่มองเธอและศิเองก็ไม่กล้ามองเขา
ถึงจะมาโรงเรียนเหมือนทุกวันแต่กลับไม่ได้มองหน้า ไม่ได้พูดคุยกัน คิดๆ
แล้วน้ำตาก็พาลจะไหล ศิรีบเบี่ยงหน้าหลบซบแขนตัวเองทันทีที่มีเสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินเข้ามาในห้อง
เธอเหลือบมองด้วยหางตา นายบาสเดินผ่านไปนั่งที่ตัวเองที่ริมหน้าต่าง
กางหนังสือการ์ตูนอ่านอย่างสบายอารมณ์
แวบหนึ่งเขามองมาทางเธอแต่ศิเบนสายตากลับมาเสียก่อน เธอถอนหายใจเบาๆ ‘ทำไมถึงรู้สึกอึดอัดแบบนี้นะ’ ศิคิด รู้สึกอ่อนเพลีย แล้วเสียงออดก็ดังขึ้นหมดเวลาพักเที่ยง
ทุกคนเข้าเรียนคาบบ่าย สำหรับเด็กเกือบทุกคนแล้วความง่วงทำให้การเรียนรู้อืดอาด
ในขณะที่ศิต้องรับมือกับความหิวไปด้วย
ที่บ้านศินั่งเหม่อลอยทั้งที่การ์ตูนโปรดของเธอฉายอยู่บนหน้าจอทีวี
พี่สาวทั้งสองคนที่นั่งดูอยู่ด้วยหันมาสบตากัน
รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของน้องสาวและคราวนี้ถึงเวลาที่จะต้องรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับน้องของพวกเธอ
“เป็นอะไรศิ”
พี่กัน พี่สาวคนโตถามขึ้น
“ยัยศิ
ยัยศิ!”
ศิไม่ได้ยินจนพี่ณัช พี่สาวคนรองของเธอต้องตะโกนเรียก ศิสะดุ้ง ตกใจหันมามอง
“อะไรของพี่เนี่ย
นั่งใกล้กันแค่นี้ จะตะโกนทำไม” ศิแขวะพี่สาวของเธอ ณัชทำหน้าใบ้รับประทาน
“ก็ถ้าพี่เขาไม่ตะโกน เธอจะรู้เหรอว่าพี่ถามอะไร” พี่กันว่า
ศิบอกไม่รู้แล้วก็หันหน้าไปดูกินทามะที่เพิ่งฉายโฆษณาไป จากนั้นเธอก็ถอนหายใจหนักๆ
จนพี่สาวทั้งสองถึงกับทอดถอนใจไปตามๆ กัน
“ยัยศิ
เธอเป็นอะไร หมู่นี้เอาแต่นั่งเหม่อลอย หน้าตาก็ซึมเศร้า ถามจริงทะเลาะกับเพื่อนที่โรงเรียนมาหรือไง
ให้พี่ไปจัดการให้ไหม” ณัชถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
ศิมองแววตาเอาจริงเอาจังของพี่สาวคนรองอย่างเหนื่อยใจ แม้จะรู้ว่าจริงๆ
แล้วพี่ณัชไม่ชอบมีเรื่องก็ตาม
แต่ถ้าเป็นเรื่องในครอบครัวหล่อนก็พร้อมจะลุยทุกเมื่อ
ล่าสุดเพิ่งไปจัดการพี่ก้อยเพื่อนที่ชอบแกล้งพี่กันจนรายนั้นถึงกลับไม่กล้ามองหน้าพี่กันอีกเลย
เรียกว่าจัดการได้เจ็บแสบมาก แม้พี่ณัชจะบอกว่าแค่ไปพูดคุยด้วยเฉยๆ ก็ตามที
ศิกับพี่กันก็ยังไม่คิดจะเชื่อเช่นนั้น ณัชถอนหายใจเมื่อเห็นสายตาของน้องสาวที่มองเธออย่างเนือยๆ
“เอาน่าๆ คราวนี้จะไม่จัดการให้ก็ได้ แต่จะให้คำปรึกษาแทน” ณัชยื่นข้อเสนอ พี่กันเร้า
“บอกมาเถอะศิ
เราเป็นพี่น้องกัน ปัญหาเธอก็เหมือนกับปัญหาครอบครัว มีอะไรก็ต้องช่วยกันสิ”
“ใช่ๆ
ไม่ควรปิดบัง บอกมาๆ ”
กินทามะตอนสุดท้ายฉายอยู่บนจอทีวี
แต่นาทีนี้พี่สาวทั้งสองยอมตัดใจและให้ความสำคัญกับเรื่องเล่าจากปากน้องสาวของเธอ
ศิเล่าให้ฟังจบแล้วก็ถอนหายใจ “เรื่องเป็นแบบนี้นี่เอง แบบนี้ไม่อึดอัดใจแย่เหรอ”
ณัชถามน้องสาวหลังประมวลผล “อึดอัดสิ” ศิตอบพี่ “อึดอัดจะตายอยู่แล้ว
ก็แค่เล่นเกมส์ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้” ศิพูดพลางตั้งคางลงบนหมอนแล้วกอดมันแน่น
ณัชหันไปมองหน้าพี่กัน ทั้งสองจับความรู้สึกของน้องสาวได้ “เธอชอบเขาสินะ”
พี่กันถาม ศิพยักหน้ารับอย่างอายๆ
เธอไม่เคยบอกใครเรื่องนี้เพราะยังไม่ชัดเจนในความรู้สึก
แต่ตอนนี้เธอรู้ใจตัวเองแล้วว่าเธอชอบนายบาสมากแค่ไหนและเธอก็ไม่อยากสูญเสียเขาไป ‘ถ้าไม่ได้เป็นคนสำคัญขอแค่ยังเป็นเพื่อนกันก็พอ’ ศิบอกกับตัวเอง
“แล้วตอนที่ไปบอกรักน่ะ
เขารู้หรือเปล่าว่าเธอกับเพื่อนกำลังเล่นเกมส์กันอยู่” ณัชถาม ศิส่ายหน้า
“ไม่รู้สิ
แต่น่าจะรู้นะ” ณัชตาโต นึกไม่ถึงว่าศิจะคิดอะไรตื้นเขินขนาดนั้น
“คิดอย่างนั้นได้ยังไง
ยัยศิ!
เธอควรจะบอกเขาด้วยสิว่ามันเป็นเกมส์ บอกหลังเล่นเกมส์จบก็ได้” หล่อนบอกเสียงดัง
กันพยักหน้าเห็นด้วย “กะ...ก็ฉันอายนี่นา” ศิบอกอย่างตะกุกตะกัก
นึกเจ็บใจกับความรู้มากของตัวเอง นั่นสิ เขาจะรู้จริงๆ รึเปล่าว่านั่นเป็นเกมส์
“ทีตอนทำล่ะไม่อาย
เป็นฉันไม่เล่นเกมส์พรรค์นั้นหรอก เสียความรู้สึก” ณัชพูด
“แล้วพี่จะทำยังไง”
“อะไรล่ะ”
“ก็...สมมุติว่าถ้าพี่รถด่วนเดินมาบอกชอบพี่แล้วก็ชิ่งหนีหายไป
พี่จะทำยังไง”
“หมายถึงจะเดินไปถามเอาความจริงกับนั่งคิดเองเออเองสินะ”
ศิพยักหน้า “บอกไว้ก่อนว่าพี่ไม่ได้ชอบพี่รถด่วนอะไรนั่น และถ้าเขามาทำอย่างนั้นกับพี่พี่จะถือว่าหยามน้ำใจพี่มาก
แต่พี่เป็นคนชัดเจน เพราะงั้นพี่จะไปถามตรงๆ ว่าจริงหรือหลอก
เพราะถ้าหลอกล่ะก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้เลย” ศิงงงวยกับคำตอบของพี่สาว
“พี่โกรธที่เขาแกล้งหรือที่เขาไม่ชอบจริงๆ
กันแน่” เธอถาม ณัชหน้าแดงไม่รู้จะตอบยังไง
“เอาเป็นว่า
จำไว้ว่าอย่าไปล้อเล่นเรื่องความรู้สึกกับคนอื่น” กันช่วยเปลี่ยนเรื่องกลับมาที่เรื่องของศิ
“พี่ว่าเธอควรจะไปบอกความจริงกับเขานะ”
ณัชพยักหน้าเห็นด้วยและรีบเสริมทับด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ก่อนที่จะไปกันใหญ่
เธอควรจะบอกความจริงออกไป ยังไงความเป็นเพื่อนก็ตัดกันไม่ขาดง่ายๆ หรอกนะ”
“แต่จริงๆ
ฉันก็ชอบเขา ฉันต้องบอกเรื่องนี้ด้วยไหม” ศิถามเสียงเบา สองพี่สาวมองหน้ากัน
“เรื่องนี้น่ะ
มันก็พูดยากนะ เราเป็นผู้หญิงจะไปบอกรักบอกชอบผู้ชายก่อนมันก็ไม่งามน่ะสิ
ถ้าเขาไม่คิดอะไรเราก็หน้าแตก เป็นฉันจะไม่ยอมบอกก่อนเด็ดขาด”
“อย่างที่พี่ณัชว่า
เอาเรื่องนี้ให้ชัดเจนก่อนดีกว่า” ศิพยักหน้าเข้าใจ
ณัชกับกันอายุห่างกันหนึ่งปี
เธอเรียนคนละโรงเรียนกันกับกันและศิ ดังนั้นเธอจึงไม่เคยเห็นหน้านายบาสอะไรนั่น
แม้แต่กันเองก็ยังจำหน้าไม่ค่อยได้ เมื่อเห็นศิหลับไปแล้ว
สองพี่สาวก็นั่งสุมหัววางแผนกัน “เธอคิดว่าหมอนั่นเป็นคนยังไง”
กันถามเสียงเบาเพราะกลัวศิจะตื่น ณัชขึ้นชื่อเรื่องการมองคนออก
ขนาดกรุ๊ปเลือดเธอยังบอกถูกเลย “นายบาสนี่กรุ๊ปโอชัวร์ๆ ทำเหมือนไม่สนใจศิ
แต่จริงๆ แล้วต้องแอบหวังอะไรอยู่แน่ๆ
ถ้าเขาไม่คิดอะไรจริงทำไมต้องมึนตึงใส่เธอด้วยล่ะ ซึ่งนั่นก็เพราะว่านายบาสเองก็ต้องการความชัดเจนเรื่องนี้
แต่เขาก็ยังวางฟอร์ม” กันฟังน้องสาวสาธยาย
“แล้วเราจะเอาไงกันดี”
กันทำท่าคิด แล้วณัชก็พูดออกมา
“เอาอย่างนี้...”
รุ่งเช้ายัยศิเตรียมพร้อมที่จะบอกความจริงกับนายบาส
เธอยอมรับว่าความอึดอัดใจทำให้เธอกล้าขึ้นมานิดหน่อย ศิยืนคอยบาสอยู่ที่ห้อง
เสียงนายบาสหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดี ศิยิ้มรู้สึกใจชื่นขึ้นมาหน่อย
แต่เมื่อเธอเห็นนายบาสเดินเข้ามาในห้อง ข้างๆ เขาคือจูจุ๊
หล่อนยืนเอามือคล้องแขนนายบาสอย่างสนิทสนม ศิจ้องมองทั้งคู่อย่างห้ามสายตาไม่ได้
นายบาสยิ้ม
“ไงศิ”
เขาทักเธอ
หากเป็นก่อนหน้านี้เธอคงจะดีใจมากที่เขาทัก
แต่นาทีนี้ศิไม่รู้สึกว่านั่นเป็นเรื่องที่น่ายินดีอีกแล้ว เธอทำได้แค่ส่งยิ้มแห้งๆ
ออกไป สายตายังคงจับจ้องมองมือที่เคลื่อนลงมาจับมือจูจุ๊
“ฉันมีอะไรจะบอกเธอนะสิ”
จูจุ๊ว่า หล่อนยิ้มให้นายบาสที่ส่งยิ้มละไมมาให้ ศิมองทั้งคู่อย่างตะลึง
“เรากับบาสตกลงเป็นแฟนกันแล้วล่ะ ศิไม่โกรธเราใช่ไหม” จูจุ๊แกล้งถาม
“ยัยนั่นจะโกรธเราทำไม
ในเมื่อฉันกับยัยนั่นไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย” บาสพูดพลางหันหน้าไปทางอื่น
“ก็ศิเคยบอกรักบาสนี่นา”
นั่นเป็นแค่เกมส์ ศิอยากจะตอบออกไปแบบนั้น แต่เธอก็พูดไม่ออกและไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรที่ทำให้เธอต้องวิ่งหนีออกมา
นายบาสกับจูจุ๊มองตามอย่างไม่เข้าใจกับการกระทำนั้น
ศินั่งลงที่ม้านั่งใต้ต้นประดู่
เธอปล่อยให้หยดน้ำตาใสๆ ไหลอาบแก้ม เธอโกรธจูจุ๊และไม่รู้ว่าทำไม
หรือเพราะจูจุ๊แกล้งพูดว่าการที่เธอบอกรักนายบาสนั้นเป็นเรื่องจริง
“ฉันไม่ได้บอกรักไอบ้านั่นซะหน่อย มันก็แค่เกมส์เท่านั้น ฮึก” ศิสะอึกสะอื้น
เธอเช็ดน้ำตาแต่หยดใหม่ไหลลงมาและก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
บางสิ่งบางอย่างเข้ามาในสายตา
ศิเงยหน้าขึ้นมอง
ผ้าเช็ดหน้าผืนสีขาวสะอาดสะอ้านถูกยื่นมาตรงหน้าโดยมือของผู้ชายคนที่เธอไม่อยากให้มาเจอในสภาพนี้มากที่สุด
นายบาสยืนยิ้มให้ ศิเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
ปกติเธอก็พกผ้าเช็ดหน้าติดตัวมาด้วยเสมอแต่ไม่ใช่วันนี้
“เอาไปใช้สิ
อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้เป็นหวัดและถึงจะอย่างนั้นขี้มูกฉันก็ยังสะอาดกว่าหน้าของเธออยู่ดี”
ได้ยินอย่างนั้น เธอก็ปรี๊ดแตกขึ้นมาทันที ใช่ซี้
หน้าใครมันจะไปสะอาดเหมือนหน้าแฟนนายกันล่ะ ศิพาล เมื่อเห็นศิไม่รับผ้าเช็ดหน้า
นายบาสก็เมื่อยมือที่จะยื่น เขาจึงทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ ศิมองเขาอย่างงงๆ
“อะไร
ที่แม่เธอสร้างรึไง” เขาพูดจากวนๆ และมันเป็นปกติ แต่ศิไม่เถียงตอบ
นายบาสใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาที่แก้มของเธอโดยไม่ขออนุญาต
เธอมองการกระทำของเขาอย่างอึ้งๆ แล้วคว้าผ้าเช็ดหน้ามา
“ฉันเช็ดเองได้”
เธอบอก นายบาสกระตุกยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก แต่พอเขาเห็นศิสั่งน้ำมูกเท่านั้น
ตาก็แทบจะถลนออกจากเบ้าทันที
“นี่เธอทำอะไรเนี่ย!!!” นายบาสโวยวาย
ศิยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ เขาทำท่าขยะแขยง แต่ก็รับมายัดใส่ไว้ในกางเกงอย่างไว
“ให้ตายเถอะ” เขาส่ายหัว บ่นพึมพำคนเดียว “เธอนี่มันจริงๆ เลย มีอะไรก็พูดออกมาสิ
จะมัวอมพะนำไว้ทำไม” เท่านั้นแหละ ศิก็ร้องไห้หนักขึ้นอีก
นายบาสเกือบจะหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาใหม่แต่ก็คิดได้ว่าไม่ควร
เขาจึงปล่อยให้เธอนั่งร้องอยู่อย่างนั้น
ศิรู้สึกอับอายแต่เธอก็หยุดความรู้สึกเสียใจไม่ได้ นายบาสถอนหายใจออกมา
“บอกมาแค่ว่า
ใช่กับไม่ใช่นะ” เขาว่า ศิเบือนหน้าหนี “ก็ได้ๆ” เขาบอกอย่างยอมแพ้
“ไม่ต้องตอบก็ได้ ไม่ต้องพูดอะไร แค่พยักหน้าถ้าใช่ ถ้าไม่ก็ส่ายหน้า โอเคไหม”
ศิพยักหน้า นายบาสยิ้ม
“เอาล่ะ
คำถามแรก ที่เธอบอกรักฉันวันนั้น เพราะถูกบังคับใช่ไหม”
เขาไม่พูดว่ามันเป็นเกมส์เพราะรู้สึกปวดใจกับคำๆ นี้ ศิพยักหน้า
“แล้วที่เธอไม่คุยกับฉันเป็นเพราะเธออายใช่ป่าว”
ศิพยักหน้าอีกครั้ง นายบาสถอนหายใจ
“เอาเป็นว่าฉันเข้าใจแล้ว
จริงๆ นะ ฉันโกรธเธอที่มาล้อเล่นกับความรู้สึกของฉัน” ศิสะดุ้ง
นายบาสเอื้อมมือมาเชยคางให้เธอเงยหน้าขึ้นมามองเขา ศิใจสั่นและเขินเกินกว่าจะสบตา
“เอาจริงนะ
ถ้าเธอยังไม่มองตาฉัน ฉันจะจูบ” คำพูดนั้นทำให้ศิถึงกับถลึงตามอง นายบาสขำ
ศิผลักมือเขาออก
“เลิกล้อเล่นได้แล้ว
เดี๋ยวแฟนนายมาเห็นเข้าฉันจะถูกเหวี่ยงวีนใส่”
“จูจุ๊ไม่ใช่คนอย่างนั้น”
ชิ! ปกป้องกันจังนะ
ศิทำปากเบ้
“จะไม่ถามหน่อยเหรอว่าทำไม”
“อะไรล่ะ!”
ศิถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ทำไมฉันถึงโกรธเธอเพราะ...เกมส์นั้น”
“...”
ศิไม่ตอบ เธอนึกถึงคำพูดของพี่ณัช ‘อย่าไปล้อเล่นเรื่องความรู้สึกกับคนอื่น’ นายบาสเชยคางศิให้หันมาหาเขาอีกครั้ง
“มองตาฉัน”
บาสพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม ศิทำตามอย่างว่าง่าย
“ฉันโกรธที่เธอเห็นการบอกรักฉันเป็นเรื่องสนุก...”
“ไม่ใช่นะ!”
ศิเถียงกลับทันควัน บาสผงะเล็กน้อย แววตาของศิจริงจัง
เธอจะไม่ปล่อยให้เขาพูดเองเออเองอยู่ฝ่ายเดียวอีกต่อไป
“ฉันรู้ว่าที่ฉันทำแบบนั้นมันทำให้นายเสียความรู้สึก
ฉันเองก็เหมือนกันนะ ฉันไม่ได้อยากให้เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้
แค่คิดว่าการเล่นกันระหว่างเพื่อนมันเป็นเรื่องปกติ
แต่เพราะ...แต่เพราะฉันไม่ได้คิดกับนายอย่างนั้น!
ฉันไม่ได้อยากจะเป็นเพื่อนนายตลอดไปซะหน่อย ฉัน...อึก ฉันน่ะ ฮึก” บาสยิ้มอย่างอบอุ่น
เขาดึงเธอเข้ามาใกล้ ศิพูดต่อ “อย่ามาทำแบบนี้กับฉันนะ นายมีแฟนแล้ว”
“กำลังจะมีต่างหาก”
เขาว่า “เป็นแฟนฉันนะ” ศิอึ้ง เธอถามตะกุกตะกัก หัวใจเต้นแรง
“นะ
นายพูดเรื่องอะไร” นายบาสหันไปมองที่พุ่มไม้ด้านหลัง แล้วเธอก็ถึงบางอ้อเมื่อเห็นยัยจูจุ๊ยืนยิ้มแฉ่งแป๊ะมืออยู่กับตุ๊บป่องและเพื่อนๆ
อีกยกห้อง ศิอายหน้าแดงแต่แล้วก็สะดุ้ง เมื่อคิดได้ว่านี่อาจเป็นแผน
“นายแกล้งฉันกลับเหรอ”
ศิถามเสียงสั่น นายบาสอึ้ง เขาหันไปมองทุกคนแล้วก็ยิ้มขำๆ นายบาสขยิบตาไล่
ทุกคนออกไปอย่างอิดออด
“ตอบได้รึยัง”
นายบาสหันมาเอาคำตอบ ศิยังไม่ไว้ใจ
“ฉันไม่ได้แกล้ง”
บาสตอบเสียงหนักแน่นจนศิตะลึง “ฉันชอบเธอ เราเป็นแฟนกันนะ” ศิอมยิ้ม
“นายหลอกฉันเหรอ”
ศิถามอีกครั้ง
“จะให้ฉันจูบเธอจริงๆ
ใช่ไหม”
นายบาสไม่พูดเปล่ายังโน้มหน้าเข้ามาใกล้จนศิต้องใช้มือดันหน้าอกเด็กหนุ่มออกไป
“เอาจริงๆ
นะ ฉันชอบเธอ และนี่คือคำขอ เป็นแฟนกันนะ”
นายบาสพูดแล้วก็ยิ้มแฉ่งยื่นนิ้วก้อยมาตรงหน้าศิ
เธอยิ้มและยื่นนิ้วก้อยออกไปเกี่ยว
“อืม”
“แค่นี้เองเหรอ”
นายบาสพูดอย่างงอนๆ ศิขำกับท่าทางบ๊องแบ๊วของเขา
“ก็ได้ๆ
ฉัน...ฉันชอบนาย” เธอตอบเสียงเบาจนนายบาสถลึงตามอง
“เอาจริงๆ
สิ ไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไหร่” ศิหันซ้ายมองขวาไม่มีใครแล้วก็หันไปจุ๊บแก้มนายบาส
“ฉันชอบนาย
ชอบนายๆๆๆๆๆ” เธอกระซิบข้างหูเขาแล้วรีบวิ่งหนีไป นายบาสอึ้งสุดขีด
เมื่อได้สติเขาก็รีบลุกขึ้นวิ่งตามศิไป
“หยุดนะ
มาให้ฉันเอาคืนซะดีๆ ”
ภาพศิหยอกล้อกับนายบาสอยู่ในสายตาของจูจุ๊
ตุ๊บป่องและผองเพื่อนอีกครบห้อง นี่ยังไม่นับรวมสายตาอึ้ง ทึ่ง
เหวอกับการกระทำของน้องสาวตัวเองอย่างกันกับณัชที่แอบดูอยู่ด้วย
ณัชนั้นถึงกับลงทุนลาโรงเรียนครึ่งวันเช้ามาจัดการปัญหาคาใจให้น้องเลยเชียวล่ะ ศิไม่รู้เลยว่าทั้งหมดเป็นแผนการของพี่สาวตัวดีทั้งสองคนของเธอ
ยกเว้นก็แต่นายบาสกับเพื่อนๆ
ที่รู้ถึงฤทธิ์เดชของพี่สาวที่ห่วงน้องสาวขั้นโคม่าของศิทั้งสองคน.
***************************************
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ ถั่วน้อย (Limited) ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ถั่วน้อย (Limited)
ความคิดเห็น